วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2558

โปรแกรมพิมพ์ดีดสัมผัส
โปรแกรมพิมพ์สัมผัสเป็นโปรแกรมสำหรับสอนพิมพ์ดีดสัมผัส ไทย หรือ อังกฤษ ในชั้นเรียนระดับปวช. ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในขณะนี้ด้วยคุณภาพและมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับจาก วิทยาลัยทั่วประเทศ และได้รับรางวัลมากถึง  3 รางวัล จาก ส.ย.ช. (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ) 2 ครั้ง และ รางวัลรองชนะเลิศ Thailand ICT Award ในกลุ่ม Education and Training

ได้ทักษะพิมพ์และพัฒนาความเร็วด้วยเกม
คู่มือพร้อมโปรแกรมพิมพ์สัมผัส (เล่นจากแผ่น CD-ROM ได้ทันที) มาพร้อมกับเกมสุดมันส์อีก 4 เกม ทำให้เมื่อได้เรียนทักษะในบทเรียนแล้วสามารถฝึกฝนพัฒนาด้วยการเล่นเกมอีกด้วย
พิมพ์สัมผัสคือโปรแกรมหัดพิมพ์ดีดด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย อีกทั้งส่วนทดสอบยังใช้เป็น engine สำหรับโปรแกรมสอบพิมพ์สัมผัสที่ได้รับการยอมรับใช้ในการแข่งทักษะวิชาชีพ ของสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย มาแล้วติดต่อกันมากกว่าเจ็ดปีจนถึงปัจจุบัน

หน้าจอหลัก
มีตัวเลือก 4 ปุ่ม ประกอบด้วย แบบฝึกหัด แบบทดสอบ วิดีโอติวเข้ม และเกมส์


  
 
หน้าหลักโปรแกรมพิมพ์สัมผัส มีเมนูให้เลือก 4 อย่าง


ส่วนประกอบต่างๆ (เปิดดูแท็บด้านล่างทางซ้ายมือ)




สอนตั้งแต่แป้นเหย้าจนครบทุกแป้น


สอนพิมพ์ตั้งแต่แป้นเหย้าจนครบทุกแป้น เริ่มด้วยการแนะนำแป้นเหย้าทีละตัว แล้วจึงเข้าแบบฝึกหัดต่อไป แล้วเมื่อพิมพ์แบบฝึกหัดครบแล้วจะเลือกฝึกต่อไปหรือฝึกซ้ำก็ได้ แล้วแต่ความต้องการของผู้เรียน


แบบฝึกหัดหลัก โปรแกรมพิมพ์สัมผัส
แล้วให้หัดพิมพ์ตามโจทย์ที่เลื่อนไหลไปอย่างต่อเนื่อง สามารถเลือก Options ได้ว่าจะแสดงตัวช่วย หรือแสดงสีที่นิ้วที่ใช้ต่างๆ ได้ สามารถเห็นความเร็วในการพิมพ์ (คำสุทธิ) และเวลาที่ใช้ได้ในขณะที่พิมพ์อยู่ เมื่อถึงท้ายบทจะสรุปผลการฝึกอย่างละเอียด รวมถึงแป้นที่ผิดมากและแป้นที่คล่องแล้ว

เทคนิคการพิมพ์
 05 มีนาคม 2011 เวลา 16:46 น.
 ผู้เรียนที่ต้องการประสบความสำเร็จในการเรียนพิมพ์ดีด ต้องไม่เกียจคร้าน  ปฏิบัติตามคำแนะนำของครู  มีความขยัน  อดทน  และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง   ไม่เกิน ๑ เดือน  ก็จะพิมพ์ดีดเป็นและพิมพ์สัมผัสได้ตามความต้องการ  ส่วนจะพิมพ์ได้ถูกต้อง  แม่นยำ  และรวดเร็วเพียงใดขึ้นอยู่กับความชำนาญของแต่ละบุคคล  โดยจะต้องมีการปฏิบัติตามกฎการพิมพ์อย่างเคร่งครัด  ซึ่งมีเทคนิคง่าย ๆ ดังนี้
          
๑. ท่านั่ง  การเรียนพิมพ์ดีดไม่ว่าจะด้วยเครื่องพิมพ์ดีดธรรมดาหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ  เพราะผู้พิมพ์อาจใช้เวลาอยู่หน้าเครื่องพิมพ์ดีดเป็นเวลาหลายชั่วโมง  ฉะนั้นท่านั่งที่ถูกวิธีจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก  คือจะต้องนั่งตัวตรง  หลังไม่งอ  ข้อศอกไม่กางและห่างจากเครื่องพอสมควร หากผิดจากนี้ถือเป็นการนั่งที่ผิดวิธีและฝืนหลักการพิมพ์เร็ว อาจทำให้มีอาการปวดบริเวณหน้าอก  หลัง  และลำคอได้
          
 ๒. การวางมือและนิ้วบนแป้นอักษร  เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกวิธีกล่าวคือ วางตำแหน่งของนิ้วมือทั้งสองข้างลงบนแป้นอักษรแถวที่สอง  นับจากล่างขึ้นไป โดยนิ้วก้อยซ้ายอยู่บนแป้นอักษร     นิ้วก้อยขวาอยู่บนแป้นอักษร    ส่วนนิ้วอื่น ๆ ให้เรียงตามลำดับไปและนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างให้วางอยู่บนคานเว้นวรรค  สำหรับการเคาะคานเว้นวรรคให้ใช้นิ้วหัวแม่มือขวาเท่านั้น  เมื่ออยู่ในท่าเตรียมพิมพ์ให้งอนิ้วทุก ๆ นิ้วไว้เสมอ  โดยกำหนดให้ปลายนิ้วส่วนที่ติดกับเล็บนั้นจดแป้นอักษร  ดังนั้นผู้ที่ตั้งใจจะฝึกพิมพ์สัมผัสให้ได้ดีจึงไม่ควรไว้เล็บยาว
           
๓. การดีด  หรือ เคาะ    เมื่อเริ่มพิมพ์ให้จดปลายนิ้วกับแป้นอักษร  ทั้งนี้จะไม่ใช้ตุ่มเนื้อแต่จะถ่ายเทน้ำหนักหรือกำลังไปอยู่ที่บริเวณปลายนิ้ว  จากนั้นให้ดีดหรือเคาะลงบนแป้นอักษรเบา ๆ นุ่มนวล  เป็นจังหวะ เหมือนอย่างเคาะค้อนที่มีสปริง  จากนั้นยกนิ้วที่เคาะขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนแป้นอักษรร้อนเป็นไฟ  ซึ่งไม่ใช่การกดนิ้วลงไปเฉย ๆ หรือจิ้มนิ้วตามลงไป  ต้องระวังยกแต่นิ้วที่ต้องการดีดเท่านั้น  ส่วนข้อมือให้โหย่ง ๆ  อย่าปล่อยให้พาดลงไปที่ขอบพิมพ์ดีด   ซึ่งเมื่อวางนิ้วและมือถูกต้องแล้วจะเห็นได้ว่านิ้วชี้ซ้ายกับนิ้วชี้ขวาขนานกันพอดี
           
๔. สายตา   จงจำไว้เสมอว่าในการฝึกพิมพ์สัมผัส  อย่าท่องจำแล้วพิมพ์  พิมพ์จบประโยคหันกลับมาดูบทความแล้วกลับไปพิมพ์ใหม่  หรือตากับใจไม่สัมพันธ์กันห่วงพะวงกับคำผิด  ซึ่งจะทำให้การฝึกพิมพ์ไม่ก้าวหน้า  ข้อแนะนำในส่วนนี้คือ  ผู้ฝึกพิมพ์สัมผัสจะต้องมีสมาธิ  ตาจับอยู่ที่บทความที่ต้องการพิมพ์เท่านั้น   กล่าวคือต้องมีความสัมพันธ์กันใน    องค์ประกอบ ได้แก่  จิต  ตา  และมือ  คือผู้ฝึกพิมพ์จะต้องมีจิตใจจดจ่ออยู่กับการพิมพ์  สายตาจับอยู่ที่ตัวหนังสือ และเคลื่อนไหวมืออย่างต่อเนื่อง
          
 ๕. การวางเอกสาร หรือ หนังสือ  เอกสารหรือสิ่งที่ต้องการพิมพ์ควรวางไว้ด้านขวามือเสมอ และอย่าให้กีดขวางการเคลื่อนของแคร่พิมพ์  หรืออุปกรณ์การพิมพ์อื่น ๆ



\

๑.    นั่งตัวตรง  คอตั้ง  หลังไม่งอ  ข้อศอกไม่กาง  และห่างจากเครื่องพิมพ์พอประมาณ ( ๑ คืบ
     ๒. งอนิ้วให้ปลายเล็บจดกับแป้นอักษรเพียงแผ่วเบา  ข้อมือโหย่ง  หลังมือกับแขนเป็นเส้นขนานกัน
    
๓. สายตาจับอยู่ที่บทความที่ต้องการพิมพ์
    
๔. ดีดหรือเคลื่อนไหวมือเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง
   
๕. วางเท้าราบกับพื้นห่างและเหลื่อมกันเล็กน้อย


ฝึกพิมพ์สัมผัส


คุณกำลังประสบปัญหาแบบนี้อยู่รึเปล่า?
·         ต้องก้มมองแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งเวลาจะพิมพ์อะไรสักอย่าง
·         แค่จะพิมพ์คำว่า รักนะสั้นๆยังต้องเสียเวลาก้มมองแป้นพิมพ์หาตัว อยู่ 3 วิฯ ….โถ่ชีวิต
·         เวลาที่ก้มมองคีย์บอร์ดแล้วพิมพ์อะไรยาวๆเสร็จปุ๊บกด Enter ปั๊บ พอเงยหน้าขึ้นมามองจอกลายเป็น ” l;ylfu8iy[z,gxHocvf,bo โญฆห้นย ซะงั้น
·         ไม่สามารถซื้อคีย์บอร์ดเล่นเกมเจ๋งๆรุ่นใหม่มาใช้ได้เพียงเพราะไม่มีสกรีนอักษรภาษาไทยบนแป้นพิมพ์มาจากโรงงาน
ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพียงแค่คุณสามารถใช้งานคีย์บอร์ดแบบ “พิมพ์สัมผัสได้เท่านั้นเอง ….การพิมพ์สัมผัสคือการพิมพ์โดยไม่ต้องมองแป้นพิมพ์ ซึ่งทำให้การพิมพ์นั้นมีความรวดเร็วมาก และต่อให้ตัวอักษรบนปุ่มคีย์บอร์ดจะลบจะเลือน หรือจะไม่มีตัวอักษรบนปุ่มก็ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด เพียงแต่การจะพิมพ์สัมผัสให้ได้นั้นต้องใช้เวลาในการฝึกฝนสักหน่อยเท่านั้นเอง

วันนี้ผมจึงอยากจะขอแนะนำวิธีการฝึกพิมพ์สัมผัสด้วยตัวเองแบบง่ายๆ
 สามารถใช้เป็นแนวทางในการฝึกพิมพ์คีย์บอร์ดทั้งการพิมพ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษครับ ต้องบอกไว้ก่อนว่าเป็นวิธีที่ผมใช้ฝึกแล้วได้ผลกับตัวเอง โดยใช้เวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น ง่ายๆ
อันดับแรกคุณต้องเข้าใจก่อนว่าการฝึกพิมพ์สัมผัสนั้นมีประโยชน์อย่างไร
·         การพิมพ์สัมผัสช่วยให้คุณพิมพ์ข้อความต่างๆได้รวดเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหาตัวอักษรบนแป้นพิมพ์ด้วยสายตา
·         ช่วยลดความผิดพลาดในการส่งข้อความ เนื่องจากสายตาของเราจะจ้องมองอยู่ที่จอภาพ เมื่อเราพิมพ์ผิดก็สามารถแก้ไขได้ทันที
·         เมื่อฝึกพิมพ์สัมผัสได้แล้วมันจะเป็นทักษะที่ติดตัวคุณไปตลอดชีวิต ตราบเท่าที่สมองยังทำงานได้เป็นปกติ เหมือนการปั่นจักรยาน หรือการว่ายน้ำ เป็นทักษะที่พอฝึกจนเป็นแล้วไม่จำเป็นต้องทบทวนก็สามารถนำเอามาใช้ได้ตลอดเวลา
·         และเมื่อคุณพิมพ์สัมผัสได้ การพิมพ์ในลักษณะอื่นๆไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ข้อความบนสมาร์ทโฟน หรือแท็ปเลตก็สามารถทำได้รวดเร็วและถูกต้องเช่นเดียวกันหากเป็นการจัดเรียงปุ่มกดแบบ QWERTY หรือแบบ Kedmanee สำหรับภาษาไทย
·         คุณจะมีบุคลิคดูดีขึ้นจากลักษณะท่าทางในการพิมพ์ คุณสามารถนั่งเชิดคางหลังตรงเวลาทำงานได้ เป็นการลดปัญหาสุขภาพอันเนื่องมาจากการนั่งหลังค่อมหรือก้มคอเป็นเวลานานๆได้ด้วย
·         สำคัญที่สุดคือ หากคุณเป็นคนที่ต้องทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์ สมควรอย่างยิ่งที่จะฝึกพิมพ์สัมผัสให้ได้

สิ่งที่คุณต้องเตรียมก่อนการฝึกประกอบไปด้วย
·         อย่างแรกที่จำเป็นต้องมีคือ คีย์บอร์ดที่มี layout หรือการจัดเรียงปุ่มที่เหมาะสมสำหรับฝึกพิมพ์ในภาษาที่คุณต้องการ โดยในแต่ละภาษาก็จะมีการจัดเรียงที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว ในที่นี้เราขอแนะนำคีย์บอร์ดแบบ Thai Version (ไทยเวอร์ชั่น) และ US Version (ที่จัดเรียงแบบ QWERTY) เพราะเป็นคีย์บอร์ดที่มี layout แบบเดียวกัน โดยจะมีปุ่ม Shift ด้านซ้ายแบบยาว และมีปุ่ม Backspace (หรือ Back)แบบยาว ซึ่งการจัดเรียงปุ่มแบบนี้จะเหมาะกับการพิมพ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
·         ถ้าหากซื้อคีย์บอร์ดกับ FPS shop ที่เป็น US Version หรือแบบที่ไม่มีอักษรภาษาไทยบนปุ่ม คุณจะได้รับของแถมเป็นสติ๊กเกอร์จำลองปุ่มบนคีย์บอร์ดแบบมีสกรีนอักษรไทย ฟรี! สำหรับเอาไปแปะบนโต๊ะหรือขอบจอเพื่อฝึกพิมพ์ภาษาไทยด้วยนะ (เป็นไงล่ะเนียนโฆษณาซะเลย)
·         พื้นที่สำหรับฝึกจำเป็นต้องมีแสงสว่างเพียงพอ เพราะแรกๆคุณจำเป็นต้องมองแป้นพิมพ์อยู่ หรือหากใช้แป้นพิมพ์มีแสงไฟใต้ปุ่มให้ปรับแสงให้สว่างเพียงพอและมองเห็นตัวอักษรได้ชัดเจน
·         สำคัญที่สุดคือต้องมีความมุ่งมั่น และมีความอดทนในการฝึก แต่ละคนอาจจะใช้เวลาฝึกแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับชั่วโมงในการฝึกฝน ผมเชื่อว่าหากทำตามคำแนะนำในบทความนี้ ถ้าหากมีเวลา 3-4 ชั่วโมงต่อวัน อาจจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ ก็สามารถพิมพ์ได้อย่างคล่องแคล่วทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทักษะทางภาษาของคุณเองด้วย)

เริ่มต้นการฝึก
เริ่มจากจัดท่าทางการนั่งพิมพ์ในแบบที่เหมาะสม แนะนำให้วางคีย์บอร์ดให้อยู่ในระดับต่ำกว่าข้อศอกเล็กน้อย และให้คีย์บอร์ดอยู่ห่างออกไปด้านหน้าไม่ใกล้ตัวจนเกินไป เพราะแรกๆเราจะยังคงต้องมองตัวอักษรบนแป้นพิมพ์อยู่ และอย่าลืมวางตำแหน่งของจอภาพให้เหมาะสมโดยจัดให้กึ่งกลางจอภาพอยู่ตำกว่าระดับสายตาเล็กน้อยจากนั้นปรับมุมเงยให้รับกับสายตา ปรับท่านั่งอย่าก้มหน้าหรืออย่างอหลังมากจนเกินไป
ต่อมาก็มาจัดระเบียบนิ้วให้ถูกต้อง โดยตำแหน่งมาตรฐานคือ ปุ่ม F จะใช้วางนิ้วชี้ของมือซ้าย และ ปุ่ม J จะใช้วางนิ้วชี้ของมือขวา” จากนั้นก็วางนิ้วอื่นๆบนปุ่มต่างๆที่อยู่ในแถวเดียวกันตามแนวนอน มือซ้ายบนปุ่ม A S D F , มือขวาบนปุ่ม J K L ;  และนิ้วโป้งก็เลือกใช้ข้างใดข้างหนึ่งแตะไว้ใกล้ๆหรือจะวางไว้บนปุ่ม Space ก็ได้ตามถนัด (ผมเลือกใช้นิ้วโป้งซ้ายในการกด)
– สังเกตดีๆปุ่ม F กับ J จะมีครีบหรือปุ่มเล็กๆนูนขึ้นมาเป็นตัวช่วยให้เราสามารถกวาดนิ้วมาสัมผัสเพื่อรับรู้ตำแหน่งการวางมือที่เหมาะสมได้โดยไม่ต้องก้มมอง

ตัวอย่างแผนผังการกดปุ่มด้วยนิ้วที่เหมาะสม
ภาพนี้เป็นตัวอย่างแผนผังการกดปุ่มด้วยนิ้วมือแต่ละนิ้วของผมเอง สามารถนำไปใช้ทดลองฝึกได้ แต่ทั้งนี้ไม่มีอะไรกำหนดตายตัวนะครับ ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน หากฝึกพิมพ์ไปสักพักแล้วรู้สึกว่าไม่ถนัดก็ค่อยๆปรับตำแหน่งการวางมือด้วยตัวเองได้ เส้นขีดสีดำตรงกลางจะแบ่งส่วนที่เราจะใช้มือซ้ายและมือขวาในการพิมพ์ ปุ่ม Y ผมจะใช้มือขวา ส่วนปุ่ม B ผมจะใช้มือซ้าย ถ้าใครไม่ถนัดแบบผมก็ลองสลับกันดูก็ได้ครับ
สำหรับลักษณะการพิมพ์นั้น มือขวาจะเป็นมือที่ต้องเคลื่อนที่ต้องยกและเคลื่อนที่มากกว่ามือซ้าย ถ้าหากเป็นคนที่ถนัดมือขวาอยู่แล้วคิดว่าไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าเป็นคนที่ถนัดมือซ้ายก็ต้องฝึกมือขวามากหน่อยนะครับ
นิ้วก้อยสำคัญมาก นอกจากจะเอาไว้เกี่ยวก้อยสัญญาแล้วสำหรับการพิมพ์สัมผัสนิ้วก้อยถือว่าเป็นตัวเอกเลย พยายามใช้นิ้วก้อยให้ได้ โอเคนะ อย่าไปเลี่ยงที่จะไม่ใช้

วิธีการฝึกพิมพ์
ในช่วงเริ่มแรก ให้จำเอาไว้ว่า ทุกตัวอักษรจะต้องถูกจดจำด้วย ตำแหน่งของปุ่ม และกดด้วยนิ้วที่เหมาะสมตามที่เรากำหนดไว้ค่อยๆจำไปที่ละปุ่ม ทีละตัวอักษร ตัวอย่างเช่น
·         ก.ไก่ กดด้วยนิ้วกลางมือซ้าย
·         สระอี กดด้วยนิ้วชี้ขวา
·         วงเล็บเปิด กด Shift ด้านขวาค้างไว้ด้วยนิ้วก้อยมือขวา แล้วใช้นิ้วก้อยซ้ายกดปุ่ม Z
·         เว้นวรรค กด Spacebar ด้วยนิ้วโป้งซ้าย
ปุ่มไหนควรกดด้วยนิ้วอะไรให้ดูตามแผนภาพที่ผมทำเป็นสีๆไว้ แต่ถ้าไม่ถนัดปุ่มไหนให้ลองค้นหาวิธีกดที่ตัวเองถนัดแทนก็ได้นะครับ แล้วก็ฝึกพิมพ์โดยไม่ต้องมองแป้นไปทีละตัวอักษร ถ้าเป็นภาษาอังกฤษอาจจะจำง่ายหน่อยเพราะตัวอักษรมีไม่มาก แต่สำหรับภาษาไทยไม่จำเป็นต้องจำให้ครบทุกตัวอักษรบนแป้นพิมพ์นะครับ เน้นให้ได้ พยัญชนะ สระ และวรรยุกต์ ตัวที่กดได้ถนัดๆก่อน โดยเฉพาะตัวอักษรที่ไม่ต้องกดปุ่ม Shift ค้างไว้ควรจำตำแหน่งกดให้ได้ก่อน
ทีนี้เมื่อเริ่มจำได้และสามารถพิมพ์ตัวอักษรแบบไม่ต้องมองได้อย่างแม่นยำบ้างแล้ว จากนั้นก็พยายามฝึกให้ได้เป็นคำๆ เช่น วันนี้”  “ไปเที่ยว”  “สนุกมากอะไรแบบนี้ครับ ทีนี้ถ้า พยัญชนะ สระ หรือวรรยุกต์ตัวไหนที่จำไม่ได้ก็ให้ชำเลืองมองได้ครับ สิ่งที่เรากำลังทำคือการฝึกจำรูปแบบการกดแบบผสมเป็นคำๆ พยายามจดจำลักษณะการกดแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ ถ้าเป็นคำเดิมๆที่เราพิมพ์บ่อยๆก็ให้ใช้ความรู้สึกว่าอักษรตัวนี้มันควรจะกดไปที่ตำแหน่งไหนเท่านั้นเอง
แบบฝึกที่แนะนำ – การฝึกแนะนำให้ใช้เพลงที่ชอบเพลงที่คุณจำเนื้อร้องได้มาฝึกพิมพ์ หรือจะใช้บทความที่เคยอ่านมาก่อนก็ได้ ค่อยๆฝึกไล่ไปทีละปุ่มตัวอักษร หรือทีละคำ ผมเชื่อว่ามันจะทำให้คุณสามารถจดจำและพิมพ์มันได้อย่างรวดเร็ว เพราะส่วนหนึ่งมันมาจากสิ่งที่อยู่ในความทรงจำอยู่แล้ว เพียงแค่คุณเอาตำแหน่งปุ่มไปแทนที่ตัวอักษร หรือเอารูปแบบการกดไปแทนที่คำร้องเท่านั้นเอง
รายละเอียดการฝึกเพิ่มเติม
1.   ตัวอักษรและสระที่อยู่ในแถวตัวเลขด้านบนที่เห็นในภาพ เป็นปุ่มที่ผมไม่ได้ลงสีไว้ให้ เพราะผมคิดว่าขึ้นอยุ่กับความถนัดในการกดของแต่ละคน ส่วนตัวผมใช้วิธีการวางนิ้วชี้ไว้บนปุ่มหลักคือ F กับ J แล้วใช้วิธียื่นนิ้วที่เหลือไปกด ถ้าหากยื่นนิ้วไปไม่ถึงหรือไม่ถนัดก็ให้ยกมือเคลื่อนจากตำแหน่งการวางมือปกติไปเพื่อกดปุ่มนั้นๆแทน และอย่าลืมเลื่อนมือกลับลงมาที่ตำแหน่งเดิมทุกครั้งด้วย
2.   ตัวอักษร พยัญชนะ และ สระ บางตัวที่ต้องกดปุ่ม Shift ค้างไว้ให้กดปุ่ม Shift ด้วยมือคนละข้างกับที่จะต้องกดปุ่มตัวอักษร มันจะทำให้พิมพ์ได้ง่ายกว่า (แต่ถ้าจะกดด้วยมือข้างเดียวกันมันก็ไม่ผิดหรอกนะถ้าคุณอยากจะถนัดแบบนั้น)
เมื่อเริ่มจำปุ่มต่างๆได้แล้ว นิ้วชี้อาจจะไม่ต้องสัมผัสอยู่กับปุ่ม F กับ J อยู่ตลอดนะครับ หลักคือต้องหาตำแหน่งที่เราถนัดแล้วจดจำไว้แล้วทำซ้ำๆไปเรื่อยๆจนเกิดความเคยชิน
ใครคิดจะเป็นโปรแกรมเมอร์พวกเครื่องหมาย  ! @ # $ % ^ & * ( ) _ – + = { } [ ] \ : ; ‘ ” < > / , . แบบนี้สมควรที่จะต้องฝึกพิมพ์ให้ได้เป็นอย่างยิ่ง
เมื่อฝึกพิมพ์ไปได้สักระยะคุณจะสามารถกดพิมพ์เป็นคำๆได้โดยอัตโนมัติ นั่นแสดงว่าร่างกายของคุณกำลังจดจำให้คุณพยายามทำซ้ำๆเรื่อยๆจนกลายเป็นการพิมพ์ด้วยสัญชาตญาณ เมื่อคุณสามารถนึกคำแล้วพิมพ์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องก้มมองแป้นพิมพ์ก็แสดงว่าการฝึกประสบผลสำเร็จแล้ว จากนั้นก็จะเป็นเรื่องของทักษะที่คุณต้องฝึกฝนพยายามพิมพ์บ่อยๆเพื่อให้พิมพ์ได้ถูกต้องรวดเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ
คำแนะนำสุดท้ายสำหรับการฝึก
·         สำหรับภาษาอังกฤษนั้นง่ายมากๆที่จะฝึกพิมพ์แบบสัมผัส ถ้าลองฝึกดูแล้วจะทราบว่าใช้เวลาน้อยกว่าภาษาไทยอีก เพราะมีตัวอักษรให้ต้องจำน้อยกว่า ถ้าหากใครที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีอยู่แล้วแนะนำให้ฝึกพิมพ์ภาษาอังกฤษก่อนเลยจะเป็นไวมาก
·         ควรฝึกพิมพ์ให้ถูกต้องตามหลักภาษาทั้งรูปแบบการสะกดและการใช้ตัวอักษรที่ถูกต้อง เพื่อใช้ในการสื่อสารแบบทางการได้
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ฝึกแล้วไม่ประสบความสำเร็จ – แม้ว่าการฝึกจะดูง่ายแต่ทักษะการพิมพ์แบบสัมผัสก็ต้องอาศัยการได้ฝึกบ่อยๆ เข้าใจว่าบางคนอาจจะไม่ได้ใช้งานคีย์บอร์ดบ่อยนัก ผมก็มีทางออกสำหรับคนที่พยายามแล้วแต่ไม่สามารถฝึกด้วยตัวเองได้ แต่ยังไงก็อยากจะฝึกพิมพ์ให้เร็ว ก็คือใช้วิธี พิมพ์ไปมองไป เหมือนเดิมนั่นแหละแต่ใช้เฉพาะนิ้วที่ถนัดในการพิมพ์ วิธีนี้ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่แต่อย่างน้อยก็จะช่วยให้พิมพ์ได้เร็วขึ้นกว่าปกตินะ

กรณีที่อยากจะใช้คีย์บอร์ดที่ไม่มีอักษรไทยบนปุ่มได้โดยไม่ต้องฝึกพิมพ์สัมผัส
·         สำหรับคีย์บอร์ดที่ไม่มีชุดตัวอักษรไทยบนปุ่ม ก็มีวิธีแก้ปัญหาง่ายๆสำหรับคนที่พิมพ์สัมผัสภาษาไทยไม่ได้คือ ซื้อคีย์บอร์ดไว้สำหรับใช้พิมพ์ภาษาไทยอีก 1 ตัวอาจจะเป็นคีย์บอร์ด TKL ตัวเล็กๆ หรือคีย์บอร์ดไร้สายก็ได้ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน เท่านี้ก็หมดปัญหาสำหรับการพิมพ์ภาษาไทยแล้ว ง่ายไหม? เพราะการเชื่อมต่อคีย์บอร์ดสามารถเชื่อมต่อได้มากกว่า 1 ตัวสำหรับคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง โดยเฉพาะการเชื่อมต่อแบบ USB หรือการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth ก็ได้
เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ การจัดเรียงตัวอักษรภาษาไทยบนแป้นพิมพ์ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้มีชื่อเรียกว่า แป้นพิมพ์เกษมณี ถูกคิดค้นโดย นายสุวรรณประเสริญ เกษมณี เพื่อใช้กับเครื่องพิมพ์ดีดมาตั้งแต่ พ.ศ.2474 ปัจจุบัน สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้พัฒนาแป้นพิมพ์เกษมณีให้เป็นมาตรฐานสำหรับแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์โดยปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยและยังคงใช้ชื่อ เกษมณี (kedmanee) เหมือนเดิม สำหรับการจัดเรียงตัวอักษรภาษาไทยบนคอมพิวเตอร์นั้นก็ยังมีอีกรูปแบบที่เรียกว่า แป้นพิมพ์ปัตตะโชติ (pattachote) ซึ่งคิดค้นโดย สฤษดิ์ ปัตตะโชติ โดยแก้ไขปัญหาของแป้นพิมพ์เกษมณีซึ่งมีลักษณะการใช้งานมือขวามากกว่ามือซ้ายและนิ้วก้อยขวาจะถูกใช้งานหนัก โดยแป้นพิมพ์ปัตตะโชติมีการออกแบบให้ใช้มือทั้ง 2 ข้างเท่าๆกันและให้ลำดับนิ้วที่ใช้บ่อยคือนิ้วชี้ แล้วไล่ลงไปคือนิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อยที่ใช้งานน้อยที่สุด แต่แป้นพิมพ์ปัตตะโชติก็ไม่ได้รับความนิยมในการใช้งานแม้จะมีผลการวิจัยจากสภาวิจัยแห่งชาติว่าแป้นพิมพ์ปัตตะโชติมีประสิทธิภาพในการพิมพ์ได้เร็วมากกว่าแบบเกษมณีถึง 25.8% ก็ตาม