โปรแกรมพิมพ์ดีดสัมผัส
โปรแกรมพิมพ์สัมผัสเป็นโปรแกรมสำหรับสอนพิมพ์ดีดสัมผัส
ไทย หรือ อังกฤษ ในชั้นเรียนระดับปวช.
ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในขณะนี้ด้วยคุณภาพและมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับจาก
วิทยาลัยทั่วประเทศ และได้รับรางวัลมากถึง 3 รางวัล จาก ส.ย.ช.
(สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ) 2 ครั้ง และ รางวัลรองชนะเลิศ Thailand ICT Award ในกลุ่ม Education and Training
ได้ทักษะพิมพ์และพัฒนาความเร็วด้วยเกม
คู่มือพร้อมโปรแกรมพิมพ์สัมผัส
(เล่นจากแผ่น CD-ROM
ได้ทันที)
มาพร้อมกับเกมสุดมันส์อีก 4 เกม
ทำให้เมื่อได้เรียนทักษะในบทเรียนแล้วสามารถฝึกฝนพัฒนาด้วยการเล่นเกมอีกด้วย
พิมพ์สัมผัสคือโปรแกรมหัดพิมพ์ดีดด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมาย
อีกทั้งส่วนทดสอบยังใช้เป็น engine สำหรับโปรแกรมสอบพิมพ์สัมผัสที่ได้รับการยอมรับใช้ในการแข่งทักษะวิชาชีพ
ของสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย
มาแล้วติดต่อกันมากกว่าเจ็ดปีจนถึงปัจจุบัน
หน้าจอหลัก
มีตัวเลือก 4 ปุ่ม ประกอบด้วย แบบฝึกหัด
แบบทดสอบ วิดีโอติวเข้ม และเกมส์
หน้าหลักโปรแกรมพิมพ์สัมผัส มีเมนูให้เลือก 4 อย่าง
ส่วนประกอบต่างๆ (เปิดดูแท็บด้านล่างทางซ้ายมือ)
สอนตั้งแต่แป้นเหย้าจนครบทุกแป้น
สอนพิมพ์ตั้งแต่แป้นเหย้าจนครบทุกแป้น เริ่มด้วยการแนะนำแป้นเหย้าทีละตัว แล้วจึงเข้าแบบฝึกหัดต่อไป แล้วเมื่อพิมพ์แบบฝึกหัดครบแล้วจะเลือกฝึกต่อไปหรือฝึกซ้ำก็ได้ แล้วแต่ความต้องการของผู้เรียน
แบบฝึกหัดหลัก
โปรแกรมพิมพ์สัมผัส
แล้วให้หัดพิมพ์ตามโจทย์ที่เลื่อนไหลไปอย่างต่อเนื่อง
สามารถเลือก Options ได้ว่าจะแสดงตัวช่วย หรือแสดงสีที่นิ้วที่ใช้ต่างๆ ได้ สามารถเห็นความเร็วในการพิมพ์
(คำสุทธิ) และเวลาที่ใช้ได้ในขณะที่พิมพ์อยู่
เมื่อถึงท้ายบทจะสรุปผลการฝึกอย่างละเอียด รวมถึงแป้นที่ผิดมากและแป้นที่คล่องแล้ว
เทคนิคการพิมพ์
05 มีนาคม 2011 เวลา 16:46 น.
|
||||||
ผู้เรียนที่ต้องการประสบความสำเร็จในการเรียนพิมพ์ดีด ต้องไม่เกียจคร้าน ปฏิบัติตามคำแนะนำของครู มีความขยัน อดทน และฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง
ไม่เกิน ๑ เดือน ก็จะพิมพ์ดีดเป็นและพิมพ์สัมผัสได้ตามความต้องการ ส่วนจะพิมพ์ได้ถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็วเพียงใดขึ้นอยู่กับความชำนาญของแต่ละบุคคล โดยจะต้องมีการปฏิบัติตามกฎการพิมพ์อย่างเคร่งครัด ซึ่งมีเทคนิคง่าย ๆ ดังนี้
๑. ท่านั่ง การเรียนพิมพ์ดีดไม่ว่าจะด้วยเครื่องพิมพ์ดีดธรรมดาหรือเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะผู้พิมพ์อาจใช้เวลาอยู่หน้าเครื่องพิมพ์ดีดเป็นเวลาหลายชั่วโมง ฉะนั้นท่านั่งที่ถูกวิธีจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก คือจะต้องนั่งตัวตรง หลังไม่งอ ข้อศอกไม่กางและห่างจากเครื่องพอสมควร หากผิดจากนี้ถือเป็นการนั่งที่ผิดวิธีและฝืนหลักการพิมพ์เร็ว อาจทำให้มีอาการปวดบริเวณหน้าอก หลัง และลำคอได้ ๒. การวางมือและนิ้วบนแป้นอักษร เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องปฏิบัติให้ถูกวิธีกล่าวคือ วางตำแหน่งของนิ้วมือทั้งสองข้างลงบนแป้นอักษรแถวที่สอง นับจากล่างขึ้นไป โดยนิ้วก้อยซ้ายอยู่บนแป้นอักษร ฟ นิ้วก้อยขวาอยู่บนแป้นอักษร ว ส่วนนิ้วอื่น ๆ ให้เรียงตามลำดับไปและนิ้วหัวแม่มือทั้งสองข้างให้วางอยู่บนคานเว้นวรรค สำหรับการเคาะคานเว้นวรรคให้ใช้นิ้วหัวแม่มือขวาเท่านั้น เมื่ออยู่ในท่าเตรียมพิมพ์ให้งอนิ้วทุก ๆ นิ้วไว้เสมอ โดยกำหนดให้ปลายนิ้วส่วนที่ติดกับเล็บนั้นจดแป้นอักษร ดังนั้นผู้ที่ตั้งใจจะฝึกพิมพ์สัมผัสให้ได้ดีจึงไม่ควรไว้เล็บยาว ๓. การดีด หรือ เคาะ เมื่อเริ่มพิมพ์ให้จดปลายนิ้วกับแป้นอักษร ทั้งนี้จะไม่ใช้ตุ่มเนื้อแต่จะถ่ายเทน้ำหนักหรือกำลังไปอยู่ที่บริเวณปลายนิ้ว จากนั้นให้ดีดหรือเคาะลงบนแป้นอักษรเบา ๆ นุ่มนวล เป็นจังหวะ เหมือนอย่างเคาะค้อนที่มีสปริง จากนั้นยกนิ้วที่เคาะขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนแป้นอักษรร้อนเป็นไฟ ซึ่งไม่ใช่การกดนิ้วลงไปเฉย ๆ หรือจิ้มนิ้วตามลงไป ต้องระวังยกแต่นิ้วที่ต้องการดีดเท่านั้น ส่วนข้อมือให้โหย่ง ๆ อย่าปล่อยให้พาดลงไปที่ขอบพิมพ์ดีด ซึ่งเมื่อวางนิ้วและมือถูกต้องแล้วจะเห็นได้ว่านิ้วชี้ซ้ายกับนิ้วชี้ขวาขนานกันพอดี ๔. สายตา จงจำไว้เสมอว่าในการฝึกพิมพ์สัมผัส อย่าท่องจำแล้วพิมพ์ พิมพ์จบประโยคหันกลับมาดูบทความแล้วกลับไปพิมพ์ใหม่ หรือตากับใจไม่สัมพันธ์กันห่วงพะวงกับคำผิด ซึ่งจะทำให้การฝึกพิมพ์ไม่ก้าวหน้า ข้อแนะนำในส่วนนี้คือ ผู้ฝึกพิมพ์สัมผัสจะต้องมีสมาธิ ตาจับอยู่ที่บทความที่ต้องการพิมพ์เท่านั้น กล่าวคือต้องมีความสัมพันธ์กันใน ๓ องค์ประกอบ ได้แก่ จิต ตา และมือ คือผู้ฝึกพิมพ์จะต้องมีจิตใจจดจ่ออยู่กับการพิมพ์ สายตาจับอยู่ที่ตัวหนังสือ และเคลื่อนไหวมืออย่างต่อเนื่อง ๕. การวางเอกสาร หรือ หนังสือ เอกสารหรือสิ่งที่ต้องการพิมพ์ควรวางไว้ด้านขวามือเสมอ และอย่าให้กีดขวางการเคลื่อนของแคร่พิมพ์ หรืออุปกรณ์การพิมพ์อื่น ๆ
\
๑.
นั่งตัวตรง คอตั้ง หลังไม่งอ ข้อศอกไม่กาง และห่างจากเครื่องพิมพ์พอประมาณ ( ๑ คืบ
๒. งอนิ้วให้ปลายเล็บจดกับแป้นอักษรเพียงแผ่วเบา ข้อมือโหย่ง หลังมือกับแขนเป็นเส้นขนานกัน
๓. สายตาจับอยู่ที่บทความที่ต้องการพิมพ์ ๔. ดีดหรือเคลื่อนไหวมือเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่อง ๕. วางเท้าราบกับพื้นห่างและเหลื่อมกันเล็กน้อย |
ฝึกพิมพ์สัมผัส
คุณกำลังประสบปัญหาแบบนี้อยู่รึเปล่า?
·
ต้องก้มมองแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งเวลาจะพิมพ์อะไรสักอย่าง
·
แค่จะพิมพ์คำว่า “รักนะ” สั้นๆยังต้องเสียเวลาก้มมองแป้นพิมพ์หาตัว “ร” อยู่ 3 วิฯ ….โถ่ชีวิต
·
เวลาที่ก้มมองคีย์บอร์ดแล้วพิมพ์อะไรยาวๆเสร็จปุ๊บกด Enter ปั๊บ
พอเงยหน้าขึ้นมามองจอกลายเป็น ” l;ylfu8iy[z,gxHocvf,bo โญฆห้นย ” ซะงั้น
·
ไม่สามารถซื้อคีย์บอร์ดเล่นเกมเจ๋งๆรุ่นใหม่มาใช้ได้เพียงเพราะไม่มีสกรีนอักษรภาษาไทยบนแป้นพิมพ์มาจากโรงงาน
ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเพียงแค่คุณสามารถใช้งานคีย์บอร์ดแบบ “พิมพ์สัมผัส” ได้เท่านั้นเอง
….การพิมพ์สัมผัสคือการพิมพ์โดยไม่ต้องมองแป้นพิมพ์
ซึ่งทำให้การพิมพ์นั้นมีความรวดเร็วมาก
และต่อให้ตัวอักษรบนปุ่มคีย์บอร์ดจะลบจะเลือน
หรือจะไม่มีตัวอักษรบนปุ่มก็ไม่มีผลต่อการใช้งานแต่อย่างใด
เพียงแต่การจะพิมพ์สัมผัสให้ได้นั้นต้องใช้เวลาในการฝึกฝนสักหน่อยเท่านั้นเอง
วันนี้ผมจึงอยากจะขอแนะนำวิธีการฝึกพิมพ์สัมผัสด้วยตัวเองแบบง่ายๆ
สามารถใช้เป็นแนวทางในการฝึกพิมพ์คีย์บอร์ดทั้งการพิมพ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษครับ
ต้องบอกไว้ก่อนว่าเป็นวิธีที่ผมใช้ฝึกแล้วได้ผลกับตัวเอง โดยใช้เวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น
ง่ายๆ
อันดับแรกคุณต้องเข้าใจก่อนว่าการฝึกพิมพ์สัมผัสนั้นมีประโยชน์อย่างไร
·
การพิมพ์สัมผัสช่วยให้คุณพิมพ์ข้อความต่างๆได้รวดเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลาในการค้นหาตัวอักษรบนแป้นพิมพ์ด้วยสายตา
·
ช่วยลดความผิดพลาดในการส่งข้อความ
เนื่องจากสายตาของเราจะจ้องมองอยู่ที่จอภาพ เมื่อเราพิมพ์ผิดก็สามารถแก้ไขได้ทันที
·
เมื่อฝึกพิมพ์สัมผัสได้แล้วมันจะเป็นทักษะที่ติดตัวคุณไปตลอดชีวิต
ตราบเท่าที่สมองยังทำงานได้เป็นปกติ เหมือนการปั่นจักรยาน หรือการว่ายน้ำ
เป็นทักษะที่พอฝึกจนเป็นแล้วไม่จำเป็นต้องทบทวนก็สามารถนำเอามาใช้ได้ตลอดเวลา
·
และเมื่อคุณพิมพ์สัมผัสได้
การพิมพ์ในลักษณะอื่นๆไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์ข้อความบนสมาร์ทโฟน
หรือแท็ปเลตก็สามารถทำได้รวดเร็วและถูกต้องเช่นเดียวกันหากเป็นการจัดเรียงปุ่มกดแบบ
QWERTY หรือแบบ Kedmanee สำหรับภาษาไทย
·
คุณจะมีบุคลิคดูดีขึ้นจากลักษณะท่าทางในการพิมพ์
คุณสามารถนั่งเชิดคางหลังตรงเวลาทำงานได้
เป็นการลดปัญหาสุขภาพอันเนื่องมาจากการนั่งหลังค่อมหรือก้มคอเป็นเวลานานๆได้ด้วย
·
สำคัญที่สุดคือ หากคุณเป็นคนที่ต้องทำงานอยู่กับคอมพิวเตอร์
สมควรอย่างยิ่งที่จะฝึกพิมพ์สัมผัสให้ได้
สิ่งที่คุณต้องเตรียมก่อนการฝึกประกอบไปด้วย
·
อย่างแรกที่จำเป็นต้องมีคือ คีย์บอร์ดที่มี layout หรือการจัดเรียงปุ่มที่เหมาะสมสำหรับฝึกพิมพ์ในภาษาที่คุณต้องการ
โดยในแต่ละภาษาก็จะมีการจัดเรียงที่เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว
ในที่นี้เราขอแนะนำคีย์บอร์ดแบบ Thai Version (ไทยเวอร์ชั่น) และ US Version
(ที่จัดเรียงแบบ
QWERTY) เพราะเป็นคีย์บอร์ดที่มี layout แบบเดียวกัน
โดยจะมีปุ่ม Shift ด้านซ้ายแบบยาว และมีปุ่ม Backspace (หรือ Back)แบบยาว
ซึ่งการจัดเรียงปุ่มแบบนี้จะเหมาะกับการพิมพ์ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
·
ถ้าหากซื้อคีย์บอร์ดกับ FPS shop ที่เป็น US
Version หรือแบบที่ไม่มีอักษรภาษาไทยบนปุ่ม
คุณจะได้รับของแถมเป็นสติ๊กเกอร์จำลองปุ่มบนคีย์บอร์ดแบบมีสกรีนอักษรไทย ฟรี!
สำหรับเอาไปแปะบนโต๊ะหรือขอบจอเพื่อฝึกพิมพ์ภาษาไทยด้วยนะ
(เป็นไงล่ะเนียนโฆษณาซะเลย)
·
พื้นที่สำหรับฝึกจำเป็นต้องมีแสงสว่างเพียงพอ เพราะแรกๆคุณจำเป็นต้องมองแป้นพิมพ์อยู่ หรือหากใช้แป้นพิมพ์มีแสงไฟใต้ปุ่มให้ปรับแสงให้สว่างเพียงพอและมองเห็นตัวอักษรได้ชัดเจน
·
สำคัญที่สุดคือต้องมีความมุ่งมั่น และมีความอดทนในการฝึก แต่ละคนอาจจะใช้เวลาฝึกแตกต่างกันออกไป
ขึ้นอยู่กับชั่วโมงในการฝึกฝน ผมเชื่อว่าหากทำตามคำแนะนำในบทความนี้ ถ้าหากมีเวลา 3-4 ชั่วโมงต่อวัน
อาจจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์
ก็สามารถพิมพ์ได้อย่างคล่องแคล่วทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
(ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทักษะทางภาษาของคุณเองด้วย)
เริ่มต้นการฝึก
เริ่มจากจัดท่าทางการนั่งพิมพ์ในแบบที่เหมาะสม
แนะนำให้วางคีย์บอร์ดให้อยู่ในระดับต่ำกว่าข้อศอกเล็กน้อย
และให้คีย์บอร์ดอยู่ห่างออกไปด้านหน้าไม่ใกล้ตัวจนเกินไป เพราะแรกๆเราจะยังคงต้องมองตัวอักษรบนแป้นพิมพ์อยู่
และอย่าลืมวางตำแหน่งของจอภาพให้เหมาะสมโดยจัดให้กึ่งกลางจอภาพอยู่ตำกว่าระดับสายตาเล็กน้อยจากนั้นปรับมุมเงยให้รับกับสายตา
ปรับท่านั่งอย่าก้มหน้าหรืออย่างอหลังมากจนเกินไป
ต่อมาก็มาจัดระเบียบนิ้วให้ถูกต้อง โดยตำแหน่งมาตรฐานคือ “ปุ่ม F จะใช้วางนิ้วชี้ของมือซ้าย” และ “ปุ่ม J จะใช้วางนิ้วชี้ของมือขวา” จากนั้นก็วางนิ้วอื่นๆบนปุ่มต่างๆที่อยู่ในแถวเดียวกันตามแนวนอน
มือซ้ายบนปุ่ม A S D F , มือขวาบนปุ่ม J K L ;
และนิ้วโป้งก็เลือกใช้ข้างใดข้างหนึ่งแตะไว้ใกล้ๆหรือจะวางไว้บนปุ่ม
Space ก็ได้ตามถนัด (ผมเลือกใช้นิ้วโป้งซ้ายในการกด)
– สังเกตดีๆปุ่ม F กับ J จะมีครีบหรือปุ่มเล็กๆนูนขึ้นมาเป็นตัวช่วยให้เราสามารถกวาดนิ้วมาสัมผัสเพื่อรับรู้ตำแหน่งการวางมือที่เหมาะสมได้โดยไม่ต้องก้มมอง
ตัวอย่างแผนผังการกดปุ่มด้วยนิ้วที่เหมาะสม
ภาพนี้เป็นตัวอย่างแผนผังการกดปุ่มด้วยนิ้วมือแต่ละนิ้วของผมเอง
สามารถนำไปใช้ทดลองฝึกได้ แต่ทั้งนี้ไม่มีอะไรกำหนดตายตัวนะครับ
ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคน
หากฝึกพิมพ์ไปสักพักแล้วรู้สึกว่าไม่ถนัดก็ค่อยๆปรับตำแหน่งการวางมือด้วยตัวเองได้
เส้นขีดสีดำตรงกลางจะแบ่งส่วนที่เราจะใช้มือซ้ายและมือขวาในการพิมพ์ ปุ่ม Y ผมจะใช้มือขวา
ส่วนปุ่ม B ผมจะใช้มือซ้าย ถ้าใครไม่ถนัดแบบผมก็ลองสลับกันดูก็ได้ครับ
สำหรับลักษณะการพิมพ์นั้น
มือขวาจะเป็นมือที่ต้องเคลื่อนที่ต้องยกและเคลื่อนที่มากกว่ามือซ้าย
ถ้าหากเป็นคนที่ถนัดมือขวาอยู่แล้วคิดว่าไม่น่ามีปัญหา
แต่ถ้าเป็นคนที่ถนัดมือซ้ายก็ต้องฝึกมือขวามากหน่อยนะครับ
นิ้วก้อยสำคัญมาก นอกจากจะเอาไว้เกี่ยวก้อยสัญญาแล้วสำหรับการพิมพ์สัมผัสนิ้วก้อยถือว่าเป็นตัวเอกเลย
พยายามใช้นิ้วก้อยให้ได้ โอเคนะ อย่าไปเลี่ยงที่จะไม่ใช้
วิธีการฝึกพิมพ์
ในช่วงเริ่มแรก ให้จำเอาไว้ว่า “ทุกตัวอักษรจะต้องถูกจดจำด้วย ตำแหน่งของปุ่ม
และกดด้วยนิ้วที่เหมาะสมตามที่เรากำหนดไว้” ค่อยๆจำไปที่ละปุ่ม ทีละตัวอักษร ตัวอย่างเช่น
·
ก.ไก่ – กดด้วยนิ้วกลางมือซ้าย
·
สระอี – กดด้วยนิ้วชี้ขวา
·
วงเล็บเปิด – กด Shift ด้านขวาค้างไว้ด้วยนิ้วก้อยมือขวา
แล้วใช้นิ้วก้อยซ้ายกดปุ่ม Z
·
เว้นวรรค – กด Spacebar ด้วยนิ้วโป้งซ้าย
ปุ่มไหนควรกดด้วยนิ้วอะไรให้ดูตามแผนภาพที่ผมทำเป็นสีๆไว้ แต่ถ้าไม่ถนัดปุ่มไหนให้ลองค้นหาวิธีกดที่ตัวเองถนัดแทนก็ได้นะครับ
แล้วก็ฝึกพิมพ์โดยไม่ต้องมองแป้นไปทีละตัวอักษร
ถ้าเป็นภาษาอังกฤษอาจจะจำง่ายหน่อยเพราะตัวอักษรมีไม่มาก แต่สำหรับภาษาไทยไม่จำเป็นต้องจำให้ครบทุกตัวอักษรบนแป้นพิมพ์นะครับ
เน้นให้ได้ พยัญชนะ สระ และวรรยุกต์ ตัวที่กดได้ถนัดๆก่อน
โดยเฉพาะตัวอักษรที่ไม่ต้องกดปุ่ม Shift ค้างไว้ควรจำตำแหน่งกดให้ได้ก่อน
ทีนี้เมื่อเริ่มจำได้และสามารถพิมพ์ตัวอักษรแบบไม่ต้องมองได้อย่างแม่นยำบ้างแล้ว
จากนั้นก็พยายามฝึกให้ได้เป็นคำๆ เช่น “วันนี้” “ไปเที่ยว” “สนุกมาก” อะไรแบบนี้ครับ ทีนี้ถ้า พยัญชนะ สระ
หรือวรรยุกต์ตัวไหนที่จำไม่ได้ก็ให้ชำเลืองมองได้ครับ
สิ่งที่เรากำลังทำคือการฝึกจำรูปแบบการกดแบบผสมเป็นคำๆ
พยายามจดจำลักษณะการกดแบบนี้ไปเรื่อยๆครับ ถ้าเป็นคำเดิมๆที่เราพิมพ์บ่อยๆก็ให้ใช้ความรู้สึกว่าอักษรตัวนี้มันควรจะกดไปที่ตำแหน่งไหนเท่านั้นเอง
แบบฝึกที่แนะนำ – การฝึกแนะนำให้ใช้เพลงที่ชอบเพลงที่คุณจำเนื้อร้องได้มาฝึกพิมพ์
หรือจะใช้บทความที่เคยอ่านมาก่อนก็ได้ ค่อยๆฝึกไล่ไปทีละปุ่มตัวอักษร หรือทีละคำ ผมเชื่อว่ามันจะทำให้คุณสามารถจดจำและพิมพ์มันได้อย่างรวดเร็ว
เพราะส่วนหนึ่งมันมาจากสิ่งที่อยู่ในความทรงจำอยู่แล้ว
เพียงแค่คุณเอาตำแหน่งปุ่มไปแทนที่ตัวอักษร
หรือเอารูปแบบการกดไปแทนที่คำร้องเท่านั้นเอง
รายละเอียดการฝึกเพิ่มเติม
1. ตัวอักษรและสระที่อยู่ในแถวตัวเลขด้านบนที่เห็นในภาพ
เป็นปุ่มที่ผมไม่ได้ลงสีไว้ให้ เพราะผมคิดว่าขึ้นอยุ่กับความถนัดในการกดของแต่ละคน
ส่วนตัวผมใช้วิธีการวางนิ้วชี้ไว้บนปุ่มหลักคือ F กับ J แล้วใช้วิธียื่นนิ้วที่เหลือไปกด
ถ้าหากยื่นนิ้วไปไม่ถึงหรือไม่ถนัดก็ให้ยกมือเคลื่อนจากตำแหน่งการวางมือปกติไปเพื่อกดปุ่มนั้นๆแทน
และอย่าลืมเลื่อนมือกลับลงมาที่ตำแหน่งเดิมทุกครั้งด้วย
2. ตัวอักษร พยัญชนะ และ สระ บางตัวที่ต้องกดปุ่ม Shift ค้างไว้ให้กดปุ่ม
Shift ด้วยมือคนละข้างกับที่จะต้องกดปุ่มตัวอักษร
มันจะทำให้พิมพ์ได้ง่ายกว่า (แต่ถ้าจะกดด้วยมือข้างเดียวกันมันก็ไม่ผิดหรอกนะถ้าคุณอยากจะถนัดแบบนั้น)
เมื่อเริ่มจำปุ่มต่างๆได้แล้ว
นิ้วชี้อาจจะไม่ต้องสัมผัสอยู่กับปุ่ม F กับ J อยู่ตลอดนะครับ
หลักคือต้องหาตำแหน่งที่เราถนัดแล้วจดจำไว้แล้วทำซ้ำๆไปเรื่อยๆจนเกิดความเคยชิน
ใครคิดจะเป็นโปรแกรมเมอร์พวกเครื่องหมาย
! @ # $ % ^ & * ( ) _ – + = { } [ ] \ : ; ‘ ” < > / , . แบบนี้สมควรที่จะต้องฝึกพิมพ์ให้ได้เป็นอย่างยิ่ง
เมื่อฝึกพิมพ์ไปได้สักระยะคุณจะสามารถกดพิมพ์เป็นคำๆได้โดยอัตโนมัติ
นั่นแสดงว่าร่างกายของคุณกำลังจดจำให้คุณพยายามทำซ้ำๆเรื่อยๆจนกลายเป็นการพิมพ์ด้วยสัญชาตญาณ เมื่อคุณสามารถนึกคำแล้วพิมพ์ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องก้มมองแป้นพิมพ์ก็แสดงว่าการฝึกประสบผลสำเร็จแล้ว
จากนั้นก็จะเป็นเรื่องของทักษะที่คุณต้องฝึกฝนพยายามพิมพ์บ่อยๆเพื่อให้พิมพ์ได้ถูกต้องรวดเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ
คำแนะนำสุดท้ายสำหรับการฝึก
·
สำหรับภาษาอังกฤษนั้นง่ายมากๆที่จะฝึกพิมพ์แบบสัมผัส
ถ้าลองฝึกดูแล้วจะทราบว่าใช้เวลาน้อยกว่าภาษาไทยอีก
เพราะมีตัวอักษรให้ต้องจำน้อยกว่า
ถ้าหากใครที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดีอยู่แล้วแนะนำให้ฝึกพิมพ์ภาษาอังกฤษก่อนเลยจะเป็นไวมาก
·
ควรฝึกพิมพ์ให้ถูกต้องตามหลักภาษาทั้งรูปแบบการสะกดและการใช้ตัวอักษรที่ถูกต้อง
เพื่อใช้ในการสื่อสารแบบทางการได้
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ฝึกแล้วไม่ประสบความสำเร็จ – แม้ว่าการฝึกจะดูง่ายแต่ทักษะการพิมพ์แบบสัมผัสก็ต้องอาศัยการได้ฝึกบ่อยๆ
เข้าใจว่าบางคนอาจจะไม่ได้ใช้งานคีย์บอร์ดบ่อยนัก ผมก็มีทางออกสำหรับคนที่พยายามแล้วแต่ไม่สามารถฝึกด้วยตัวเองได้
แต่ยังไงก็อยากจะฝึกพิมพ์ให้เร็ว ก็คือใช้วิธี “พิมพ์ไปมองไป” เหมือนเดิมนั่นแหละแต่ใช้เฉพาะนิ้วที่ถนัดในการพิมพ์
– วิธีนี้ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่แต่อย่างน้อยก็จะช่วยให้พิมพ์ได้เร็วขึ้นกว่าปกตินะ
กรณีที่อยากจะใช้คีย์บอร์ดที่ไม่มีอักษรไทยบนปุ่มได้โดยไม่ต้องฝึกพิมพ์สัมผัส
·
สำหรับคีย์บอร์ดที่ไม่มีชุดตัวอักษรไทยบนปุ่ม
ก็มีวิธีแก้ปัญหาง่ายๆสำหรับคนที่พิมพ์สัมผัสภาษาไทยไม่ได้คือ “ซื้อคีย์บอร์ดไว้สำหรับใช้พิมพ์ภาษาไทยอีก
1 ตัว” อาจจะเป็นคีย์บอร์ด TKL ตัวเล็กๆ หรือคีย์บอร์ดไร้สายก็ได้
เพื่อความสะดวกในการใช้งาน เท่านี้ก็หมดปัญหาสำหรับการพิมพ์ภาษาไทยแล้ว ง่ายไหม? เพราะการเชื่อมต่อคีย์บอร์ดสามารถเชื่อมต่อได้มากกว่า
1 ตัวสำหรับคอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง โดยเฉพาะการเชื่อมต่อแบบ USB หรือการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน
Bluetooth ก็ได้
เกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆ – การจัดเรียงตัวอักษรภาษาไทยบนแป้นพิมพ์ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้มีชื่อเรียกว่า “แป้นพิมพ์เกษมณี” ถูกคิดค้นโดย นายสุวรรณประเสริญ เกษมณี
เพื่อใช้กับเครื่องพิมพ์ดีดมาตั้งแต่ พ.ศ.2474 ปัจจุบัน สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (สมอ.)
กระทรวงอุตสาหกรรม
ได้พัฒนาแป้นพิมพ์เกษมณีให้เป็นมาตรฐานสำหรับแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์โดยปรับเปลี่ยนเพียงเล็กน้อยและยังคงใช้ชื่อ
เกษมณี (kedmanee) เหมือนเดิม – สำหรับการจัดเรียงตัวอักษรภาษาไทยบนคอมพิวเตอร์นั้นก็ยังมีอีกรูปแบบที่เรียกว่า “แป้นพิมพ์ปัตตะโชติ” (pattachote)
ซึ่งคิดค้นโดย
สฤษดิ์ ปัตตะโชติ
โดยแก้ไขปัญหาของแป้นพิมพ์เกษมณีซึ่งมีลักษณะการใช้งานมือขวามากกว่ามือซ้ายและนิ้วก้อยขวาจะถูกใช้งานหนัก
โดยแป้นพิมพ์ปัตตะโชติมีการออกแบบให้ใช้มือทั้ง 2 ข้างเท่าๆกันและให้ลำดับนิ้วที่ใช้บ่อยคือนิ้วชี้
แล้วไล่ลงไปคือนิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อยที่ใช้งานน้อยที่สุด
แต่แป้นพิมพ์ปัตตะโชติก็ไม่ได้รับความนิยมในการใช้งานแม้จะมีผลการวิจัยจากสภาวิจัยแห่งชาติว่าแป้นพิมพ์ปัตตะโชติมีประสิทธิภาพในการพิมพ์ได้เร็วมากกว่าแบบเกษมณีถึง
25.8% ก็ตาม